แผ่นดินพิโรธ
มนุษย์เต็มไปด้วยความโลภทำลายธรรมชาติอย่างไร้จิตสำนึกในที่สุดจึงถูกธรรมชาติลงโทษ
ผู้เข้าชมรวม
53
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
แผ่นดินพิโรธ
ช้างพลายและช้างพังสองสามตัวกำลังชักลากไม้บนภูเขาสูงชันลงมารวมหมอนในหุบเขาเสียงควานช้างที่นั่งอยู่บนคอช้างตวาดเสียงดังพร้อมสับขอลงบนหัวช้างจนช้างส่งเสียงร้องดังแปร๋นสนั่นท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาจั๊กๆตลอดเวลา
“พวกเอ็งเร่งลากมารวมหมอนให้หมดก่อนที่ฝนใหญ่จะเทลงมานะโว้ย” เสียงสั่งดังมาจากร่างชายอ้วนเตี้ยหัวเถิกผิวขาวตาหยีร่างค่อนข้างเตี้ยในเพิงพักที่ทำอย่างเรียบง่ายเป็นเพิงพักคนงานที่มาชักลากไม้เพื่อรวมหมอนเพื่อที่จะให้รถสิบล้อมาบรรทุกเพื่อส่งไปยังโรงเลื่อย นายประสานเจ้าของกิจการทำไม้บนป่าเทือกเขาหลวงซึ่งมีอาชีพซื้อไม้ขายไม้จากชาวบ้านในเขตป่ากรรมสิทธิ์และลักลอบตัดไม้ในเขตอุทยานมาสวมตอไม้ของชาวบ้าน เพื่อหลบหลีกกฎหมาย ท่ามกลางการรู้เห็นของเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย เนื่องนายประสานมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเกือบทุกระดับ นายประสานเป็นคนกว้างขวาง เขามีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่และกำนันเจ้าของพื้นที่โดยการใส่ซองขาวให้เงินใต้โต๊ะเป็นเรื่องปกติที่นายประสานใช้เป็นบันไดในการทอดสะพานข้ามเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการดำเนินกิจการธุรกิจค้าไม้ให้ราบรื่นการตัดไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยปะปนไม้เถื่อนทำให้เส้นทางการค้าไม้ของนายประสานได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
ชาวบ้านเริ่มมีผลกระทบต่อการตัดไม้ของนายประสานเมื่อถึงหน้าแล้งน้ำในลำห้วยลำคลองในหมู่บ้านเริ่มเหือดแห้งบางตอนของลำคลองก็เริ่มตื้นเขินเป็นสันดอนชาวบานกลุ่มหนึ่งพยายามรวมตัวกันขัดขวางด้วยการร้องเรียนทางการถึงพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของนายประสาน
“ไม้ของเราที่ตัดโค่นลงมารวมหมอนเริ่มจะเบาบางลงแล้วเราต้องรีบหาไม้สำรองเพื่อตัดส่งโรงเลื่อยอย่าให้ขาดตอน” นายประสานพูดกับเพิกหัวหน้าคนงาน
“ไม้ในสวนของไอ้ผ่อนที่มันใช่ทำเป็นค้างพลูต้นใหญ่ๆสวยๆทั้งนั้นราคาหลายอับเชียวละคุณประสาน” เพิกพูดขึ้น
“อืม?..เอ็งไปติดต่อมันดูถ้าขอซื้อไม่ได้เราก็ใช้วิธีบีบให้มันขายจนได้แหละวะ..พวกคนจนๆเอาเงินล่อมันก็คงจะฮุบละวะ”นายประสานพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจ
“เอ็งลองไปติดต่าอดูซิไอ้ผ่อนได้ผลยังไงค่อยมาปรึกษาหารือกัน”
เย็นแล้วอากาศขมุกขมัวจนมองไม่ออกว่ามันจะค่ำเมื่อฝนตกลงมาจั๊กๆอยู่ตลอดเวลายิงช่วยทวีให้ตะวันยิ่งโพล้เพล้เร็วขึ้น ลมวูบหนึ่งพัดกรรโชกหอบเอาไอน้ำจากละอองฝนปลิวเข้ามาในขนำหลังคามุงจากที่ต้องปะชุนด้วยต้อหมากที่ถูกตัดออกมาเป็นแผ่นๆซึ่งตั้งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่ตั้งอยู่หน้าขนำแทนเก้าอี้รับแขกจากสารภีภรรยาซึ่งยืนคอยเป็นลูกมือส่งทางต้อหมากซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการปะชุนชนิดเดียวที่มีอยู่
“ไอ้ช้อง...ไอ้ช้องเว้ย” เสียงเรียกดังมาจากทางเดินหน้าขนำพร้อมกับเสียงจักรยานต์ยนต์ดับลง
“จ๊ะ” สารภีขานขึ้นแทนช้องซึ่งกำลังสาละวนอยุ่กับการปะชุนหลังคาจาก
“ไอ้ช้องอยู่ไหมวะ?” ผ่อนถามพร้อมกับลงจากรถจักรยานยนต์เดินฝ่าฝนพรำเข้ามาในขนำพร้อมถอดเสื้อฝนออกแขวนที่ตะปูที่ตอกไว้บนเสาขนำ
“อยู่จะ..มีธุระอะไรรึพี่ผ่อน”สารภีถาม
“เออฝนปีนี้มันตกหนักจริงๆ..หลังคารั่วมากรึไอ้ช้อง?” ผ่อนเอ่ยถามขึ้น
“ใช้ได้จ๊ะพี่” เสียงตอบดังมาจากหลังคาขนำ
“ว่าแต่พี่ผ่อนมีธุระอะไรกับฉันรึ?”
“มีซีวางมือสักครู่เถอะ..ข้ามีข่าวดีจะบอกเอ็ง?” ผ่อนพุดขึ้นไม่นานนักช้องก็เดินออกมาจากขนำมานั่งอยู่บนแคร่
“เฒ่าแก่ประสานสั่งให้ข้ามาบอกข่าวดีกับเอ็ง”
“เรื่องอะไรรึพี่ที่ว่าข่าวดี?”
“ที่สวนพลูเอ็งบนภูเขาได้ข่าวว่ามีไม้ดีๆหลายต้นไม่ใช่รึ?”
“ใช่จ๊ะพี่?”
“มีไม้อะไรบางละ?”
“ก็มีเท่าๆที่พี่เห็นนั่นแหละ มีไม้ตะเคียนทอง ไม้แหร ไม้ทรวยหลายชนิดจ๊ะพี่”
“เออนั่นแหละ..เฒ่าแก่ประสานบอกว่าแกจะขอซื้อในราคาดีๆ..เอ็งจะได้นำเงินมาสร้างบ้านของเอ็ง..ไม้เอ็งก็มีอยู่หลายต้นคงจะขายได้เงินหลายอัฐละแก?”
ช้องนิ่งอึ้งเขาเริ่มครุ่นคิดนายประสานคงจะเห็นเงินก้อนโตจากไม้ค้างพลูที่เขาพยายามลิดรอนกิ่งเพื่อให้พลูตั้งค้างได้..มันเป้รสวนส่วนแบ่งที่เขาได้รับตกทอดมาจากพ่อซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจากปู่อีกทีก่อนปู่จะเสียชีวิตปู่ได้สั่งพ่อสั่งนักสั่งหนาว่าให้รักษาสวนพลูนี้ไว้เพราะมันเป็นรายได้ที่พอจะเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอดได้โดยไม่ต้องไปทำงานรับจ้างสามารถหารายได้จากการเก็บพลูแต่ละอาทิตย์พอที่จะเป็นค่าอาหารของครอบครัวและลูกของเขาซึ่งสารภีจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“ฉันคงไม่ขายละพี่...มันเป็นค้างพลูที่
ฉันเว้นเอาไว้ให้พลูมันขึ้นมันเป็นอาชีพที่ฉันทำอยู่อย่างเดียวเพื่อเลี้ยงครอบครัว” ช้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เอ็งคิดให้ดีนา...โอกาสที่เอ็งจะได้เงินก้อน..มันเห็นอยู่แค่เอื้อมนี่เอง”
“ไม่หรอก” ช้องส่ายหน้าเหมือนเดิม
“ป่าบ้านเรามันร่อยหรอลงไปทุกทีปีนี้น้ำแห้งกว่าปีไหนๆ..นานๆเข้าเราจะเอาน้ำที่ไหนมากินมาใช้..อีกอย่างไม้เป็นควนเขาของฉันมันเป็นไม้ที่ฉันเว้นไว้ทำค้างพลู..ไม่มีค้างฉันก็หมดทางทำมาหากิน”
“เอาละๆเอ็งอย่าเพิ่งตัดสินใจ..เอ็งค่อยให้คำตอบข้าอีกสักสองสามวันก็ได้” ผ่อนพุดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปที่รถจักรยานยนต์แล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปจากบ้านของช้อง
“พี่จะขายมันรึเปล่า?” สารภีหันไปถามสามีภายหลังจากที่ผ่อนขับรถออกไปสักครู่ใหญ่ๆ
“เราขายไม่ได้หรอก..ชีวิตเราสองคนและลูกในท้องเอ็นก็ฝากชีวิตไว้กับคางพลูนี่แหละ..ยังไงๆเราก็ขายไม่ได้” ช้องยืนกรานกับสารภี
สองสามวันต่อมาผ่อนก็ขับรถจักรยานยนต์มาที่บ้านของช้องอีกครั้งแต่ช้องก็ยังยืนกรานคำตอบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้าก็ช่วยเอ็งได้แค่นี้แหละ” ผ่อนพูดขึ้นพร้อมกับเดินออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกไปจากบานของช้องด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก
“ฉันไม่สบายใจเลยพี่ช้อง” สารภีเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผ่อนขับรถจักรยานยนต์ออกไปแล้ว
“ก็เราไม่ขาย..นายประสานจะมาข่มเหงน้ำใจอะไรเรานักหนา?” ช้องพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวล ความจริงแล้วเขาก็คิดเหมือนอย่างสารภีการที่เขาปฏิเสธไม่ยอมขายไม้ให้นายประสานย่อมจะไม่พอใจและเมื่อนายประสานไม่พอใจเรื่องคงไม่จบแค่นี้ช้องคิด
วันนี้เป็นเช้าที่ชื้นแฉะอีกวันดวงตะวันหายไปจากขอบฟ้าฝนเม็ดเล็กๆยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องช้องเตรียมกระสอบเก็บพลูข้องด้ามพร้าที่แบกอยู่บนบ่าคอนกระสอบเก็บพลูไว้ด้านหลัง เขาเดินก้มหน้าออกจากบ้านไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวบางครั้งเขาต้องเดินย่องคลานไปตามโขดหินและลงเดินขามลำห้วยที่น้ำไหลคลักๆอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นฤดูฝน เขาเดดินข้ามลำห้วยอีกสองสายก็จะถึงสวนพลูที่เขาพยายามปรับปรุงปลูกสร้างขึ้นจากสวนที่พ่อของเขาวางรากฐานไว้ให้ ก่อนที่ชอบพ่อของเขาจะเสียชีวิตด้วยไข้มาเลเรีย
เขาเดินขึ้นควนเขาอีกลูกหนึ่งก็ถึงสวนพลุแหล่งทำมาหากินของเขา เขาเดินลงไปในหุบเขาและข้ามลำหวยอีกสายต้องแปลกใจเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเตรียมจะเลื่อนบันไดขึ้นพลู พลูค้างแรกที่เขาเตรียมจะขึ้นเก็บใบดูค้างของมันเหี่ยวเฉาเมื่อเขาสำรวจดูที่ลำต้นปรากฏว่าลำต้นมันขาดออกจากกันเป็นท่อนๆ เขารีบเดินออกไปสำรวจคาบอื่นๆก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ช้องกัดฟันจนเป็นสันนูนสมองของเขาหนักอึ้ง
“จบสิ้นกันมันแกล้งกันชัดๆ” เขาคิดด้วยความสับสนเขาใช้พร้าเขาใช้พร้าคอนถุงเก็บพลูกลับลงมายังขนำด้วยจิตใจที่เร่าร้อนคลั่งแค้น
“ไอ้ประสาน” ช้องระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด”มึงกับกูอย่าอยู่ร่วมโลกกันเลย..มึงถือว่ามึงร่ำรวยมีเงินมีลุกน้องมีอิทธิพล..แล้วมึงจะรังแกกุได้ทุกอย่างก็ให้มันรู้ไป..” ช้องพุดกับสารภีด้วยอารมณ์แค้นสุดขีด ช้องนำพร้าคู่ชีพออกมาลับกับหินที่เขาตั้งไว้ข้างบ้าน จนคมขาววับ
“กูจะบั่นมึงออกเป็นสองท่อนให้สาสมกับความแคนที่มึงทำกับกู” ช้องระเบิดคำพูดออกมาต่อหน้าสารภี
“อย่าวู่วามเลยพี่ช้อง..เราคนจนจะสู้รบตบมืออะไรกับเขาได้..ใจเย็นๆเถอะพี่พรุ่งนี้ค่อยคิดหาหนทางแก้ไข” สารภีเอ่ยขึ้น
“มันเลวนักปล่อยไว้มันก็เที่ยวไปรังแกคนอื่นอีกหลายคนเย็นนี้แหละจะบั่นคอมันให้ขาดเป็นสองท่อน”
“ พี่ฆ่าเขาพี่ก็ต้องติดคุกไม่มีอะไรดีขึ้นเลย” สารภีพยายามปลอบสามี
“แล้วเอ็งจะให้ข้าทำอย่างไรมันทำกับเราถึงขนาดนี้” ผ่อนเอ่ยถามภรรยา
“รอพรุ่งนี้แล้วค่อยปรึกษาหารือกัน....นี่ฝนก็ตกตลอดเวลา และมีทีท่าว่าจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆรอให้ฝนแล้งก่อนพรุ่งนี้เราค่อยไปปรึกษากับลุงผู้ใหญ่เทิ้มให้แกช่วยดูแลให้จะดีกว่านะพี่” สารภีพยายามยกเหตุผลพุดกับกับสามีเพื่อให้มีอารมณ์เย็นลง
“กินข้าวกินปลาเถอะพี่...เรื่องอื่นๆค่อยพูดค่อยปรึกษากัน”สารภีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสามีค่อยๆเย็นลง
“ฝนตกหนาเม็ดจริงๆ..ในคลองน้ำแดงเถือกไปทั้งสองฝั่งคลองแล้วละพี่ ..ดูท่าทางไม่ดีนักหรอก” สารภีเอ่ยกับช้อง
“ขนำเราห่างไกลคลองออกมาเป็นเส้นๆทุกๆปีไม่เคยมีน้ำมารบกันอย่าวิตกไปเลย” ช้องหันมาพูดกับภรรยา
เป็นคืนที่เดือนมืดสนิทเสียงฟ้าร้องครืนๆพร้อมกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาดุเป็นเส้นสายสว่างไสวพร้อมเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงๆสนั่งหวั่นไหวเป็นระยะๆท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
ช้องนอนเอามือก่ายหน้าผากเขานอนคิดเรื่องสวนพลู..นอนฟังเสียงเขียดอึ่งอ่างที่ส่งเสียงร้องประสานกันดังเซ็งแซ่ จนผล็อยหลับไปท่ามกลางสายฝนที่ยังคงเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“ตื่นเถอะพี่ช้องเสียงไม้หักโผงผางดังอื้ออึงไปหมด” สามีปลุกสามี
ช้องยันกายลุกขึ้นเขาเงยหน้าขึ้นดูบนช่องหลังคาที่เห็นแสงสว่างเริ่มทาบมาจากเบื้องนอก
“สว่างแล้วละฝนก็ยังตกไม่ขาดสายเสียงน้ำดังอื้ออึงเหมือนฟ้าถล่มไม่ได้การแล้วละเราหอบข้าวหอของขึ้นไปอยู่บนเนินดินดีกว่า” ช้องพูดจบเร็วเท่าความคิดก็รีบเก็บรวบรวมข้าวของที่จำเป็นเดินออกมานอกขนำ แต่เขาก็ต้องรีบหันกลับมาขนำเอ่ยบอกสารภีด้วยความตกใจ
“ขางนอกน้ำเต็มไปหมดเลยขนำเราล้อมรอบด้วยน้ำรีบเถอะ..ตอนนี้ยังพอจะลุยขึ้นฝั่งได้...รีบไปกันเถอะ” ช้องพูดจบรีบจูงมือสารภีออกมานอกขนำเท่ามกลางเสียงดังครืนๆสนั่นหวั่นไหวสายน้ำสีแดงขุ่นคลักสูงท่วมหัวหมุนติ้วเป็นเกลียวคลื่นถาดถมเข้าใส่ขนำของช้องจนพังเรียบจนขนำแยกออกเป็นชิ้นๆ
“เกาะไม้ไว้” ช้องตะโกนบอกสารภีเป็นคำสุดท้าย เขาเห็นเกลียวคลื่นของน้ำสีแงขุ่นคลักพุ่งเข้าใส่ร่างสารภีจนร่างสารภีถูกกระแสน้ำพัดจมหายลงไปในกระแสน้ำที่กำลังบ้าคลั่งต่อหน้าต่อตา
ช้องพยายามพุ่งร่างเข้ากอดต้นเพกาที่ยืนตนอยู่ข้างบ้านและกำลังถูกกระแสน้ำขุ่นแดงที่พัดพาขอนไม้และพงหญ้าเข้ามาปะติดจนต้นของมันเริ่มเอนเอียงไปตามแรงปะทะต้อนเพกาที่เขาหวังเป็นที่พึ่งสุดทายก็เริ่มเอนลงเมื่อทานน้ำหนักของเขาและกิ่งไม้ขอนไม้ไม่ไหว ร่างของช้องก็ถูกกระแสน้ำพัดพาไปตามน้ำอันเชี่ยวกราดอย่างรวดเร็วเขาพยามว่ายพยุงร่างให้ลอยไปตามน้ำอย่างหมดหวังขณะที่เขากำลังจะหมดแรงสำนึกสุดท้ายก่อนที่ร่างของเขาจะจมลงไปใต้กระแสน้ำที่กำลังบ้าคลั่งเขาพยายามพยุงร่างให้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดมันเป็นโอกาสสุดทายมืดของเขาเปะป่ายสะเปะสะปะไปถูกขอนไม้ซุงที่ลอยมาตามน้ำเขารีบคว้าและเกาะพยุงร่างเอาไว้มั่น เขารวบรวมกังที่มีอยู่ทั้งหมดขยับตัวขึ้นไปนั่งด้านบนของท่อนซุงขนาดใหญ่ เมื่อเขาพยุงร่างตั้งหลักขึ้นนั่งบนขอนไม้ได้สำเร็จตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอีกด้านหนึ่งของท่อนซุงสายตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างอ้วนเตี้ยหัวเถิกนั่งเกาะอยู่บนซุงหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาละห้อยท่ามกลางเสียงอื้ออึงของสายน้ำที่เชี่ยวกราดรอบด้าน ภาชนะ หม้อ ไห เศษไม้ เศษสวะไหลพุงลอยมาตามกระแสน้ำกระจัดกระจายไปทั่ว ประกายตาของช้องแข็งกร้าวความตื่นตกใจหายไปโดยสิ้นเชิง เพราะบุคคลที่นั่งอยู่บนปลายขอนอีกด้านหนึ่งนั้นมันคือนายประสานช้องจ้องมองนายประสานด้วยความเคียดแค้นพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้า
“ฮ่ะ! ฮ่ะ!ฮ่ะ! ฮ่ะ!..ไอ้สารเลวกูไม่นึกเลยว่าจะต้องมาลอยคออยู่ในน้ำกับมึง..เป็นไงละคราวนี้ไม้ที่มึงพยายามโค่นทำลายด้วยความเห็นแก่เงิน...สวนกูมึงก็พยายามบีบบังคับจะเอาให้ได้อุตส่าห์ให้ลูกน้องไปสับย่านพลุกกูจนตานหมดทั้งสวน..จะให้กูขายไม้ให้มึงให้ได้ ...เป็นไงเงินที่มึงได้มามึงสามารถจะจ้างคนมาช่วยมึงให้รอดจากวันนี้ได้ไหม?...มึงตัดไม้ทำลายป่าจนแผ่นดินพิโรธฟ้าลงโทษความละโมบของมึง ฮ่ะ! ฮ่ะ!ฮ่ะ! ฮ่ะ!มึงรวยแค่ไหนมึงก็ตายเท่าๆกับกูนั่นแหละวะ..วันนี้ถึงกูจะตายกูก็ไม่เสียดายชีวิตแล้วละวะฮ่ะ! ฮ่ะ!ฮ่ะ! ฮ่ะ “ ช้องระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติเขาพยายามจับขอนไม้หมุนท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราดขุ่นคลัก
“ทำไมมึงทำอย่างนั้นวะ..เดี๋ยวก็ตกน้ำตายนะเว้ย” นายประสานพูดด้วยท่าทางตกใจสุดขีดดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว
“กูตายพร้อมมึงนับว่าสมปรารถนาความตั้งใจของกูแล้วละวะ”ช้องพูดจบเขาก็พยายามเอามือหมุนขอนไม้จนหมุนคว้างและพลิกคว่ำลงทันทีร่างของนายประสานหลุดร่วงจากขอนไม้พร้อมกับช้องสำนึกสุดท้ายเขาเห็นนายประสายโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำไม่ห่างจากเขามากนักพร้อมยกมือขึ้นขอความช่วยเหลือแล้วร่างของนายประสานก็จมหายไปใต้กระแสน้ำที่เย็นยะเยียบสีแดงฉานขุ่นคลักและหมุนเป็นเกลียววนอย่างบาคลั่งท่ามกลางฝนที่เทลงมาอย่างไม่ขาดสาย.................
19มกราคม 2553
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ยอดภู ณ หัวทุ่ง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ยอดภู ณ หัวทุ่ง
ความคิดเห็น